บทที่ 26 

เจ้าสัวชัชออกโรง (NC)

ดอกซ่อนกลิ่น ความรัก ความเสน่หา ความหลงใหล และยังหมายถึงความเย้ายวนในทางเพศได้

 

 

รถสปอร์ตหรูคันเดิมขับตามรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นกลับไปยังบ้านหลังน้อยของคนรัก หนึ่งถือคติไม่ได้เข้าบ้าน ขอเกาะประตูรั้วก็ยังดี โผล่หน้าให้เห็นถึงความจริงใจที่มีต่อลูกชายของว่าที่พ่อตา หวังว่าการกระทำนี้จะส่งผลต่อคะแนนในภายภาคหน้า แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวมีแผนร้าย

 

กิจวัตรเริ่มต้นตั้งแต่คืนวันอาทิตย์คือ แอบปีนไปนอนกับเจ้ากระต่ายน้อย หลบออกมาขับรถตามไปส่งและตอนเย็นขับรถตามมาส่งถึงบ้าน พอวีจะเข้าบ้านมายืนมองตาละห้อย ไม่ได้แสร้งแต่เขาไม่อยากห่างจากวีแม้สักวินาที อดรนทนรอจนกว่าถึงเวลา เขาจะได้กอดน้องให้สมกับความคิดถึงตลอดทั้งวัน เขาเดินกลับมายังรถและขับไปโรงแรมที่เช่าไว้แค่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะเขาทิ้งจินไว้คอยดูต้นทาง พอสบจังหวะเขาก็จะพุ่งไปทันที วนลูปจนมาถึงวันสุดสัปดาห์

 

“เหนื่อยไหมวันนี้” หนึ่งปีนเข้ามาในห้องถามระหว่างสวมกอดคนรัก นับตั้งแต่วันแรกเขาไม่ต้องเคาะ เพราะน้องแง้มบานหน้าต่างแค่งัดเล็กน้อยเปิดเข้ามา “พรีเซนต์งานเรียบร้อยไหมครับ” หนึ่งงับติ่งหูตามด้วยเสียงกระซิบ เป่าลมใส่ “แล้วก็คิดถึงหนูสุดเลยค่ะ”

“อือ...ไม่เหนื่อยครับ งานเรียบร้อยดีครับ”

“ดีแล้วค่ะ พี่จะได้จัดการคนปล่อยข่าวของเรา พร้อมกับไอ้ลูกรัฐมนตรีนั่นด้วยเลย”

 

วีกวักมือยกมือเรียกคนรักให้โน้มตัวลงมาฟัง “ขอบคุณนะครับที่ดูแลและปกป้องวี แล้วก็...คิดถึงพี่หนึ่งเหมือนกัน” จุ๊บ ริมฝีปากหยักสวยจุมพิตริมฝีปากหนาผละออกอย่างขวยเขิน

 

“ฮึ่ม!..มันคือหน้าที่พี่อยู่แล้ว” หนึ่งกัดกรามแน่น “หนูขา จะมาทำยั่วด้วยการทำตัวน่ารักแบบนี้ไม่ได้นะคะ พี่ไม่อยากจับกินตอนนี้...!!” หนึ่งเข่นเขี้ยวดุเจ้าตัวน้อย

 

ทั้งสองประสานแววตาเข้าด้วยกัน สื่อความหมายเดียวกัน พวกเขาโหยหาการโอบกอดอันลึกซึ้งของกันและกัน หนึ่งจับจ้องใบหน้าแสนหวาน เขาเชิดปลายคางร่างบางเผยอกลีบปากรอรับการจูบ ร่างสูงไม่รีรอประกบสิ่งเดียวกันแนบสนิทไร้ช่องว่าง ขบเม้มสัมผัสตักตวงความหวานจากปากเล็ก ส่งเรียวลิ้นร้อนตวัดหยอกล้อลิ้นเล็กดูดดุน ชายหนุ่มช้อนตัวคนรักเข้าเอวเดินพาไปยังเตียงนอน วางลงทับร่างประกบจูบต่อดูดดื่มในความหอมหวานและโหยหาซึ่งกัน

 

ริมฝีปากหนาขยับขบเม้มไล่ลงมา ใบหน้าซุกไซ้ดอมดมกลิ่นกายหอมอันเย้ายวนจากซอกคอขาว ขบเม้มฝากรอยจาง ๆ ร่างสูงเหลือบสีหน้าของคนตัวเล็กแดงซ่าน พยายามกลั้นเสียง หนึ่งถลกเลิกชายเสื้อให้ร่างบางกัดกักกลั้นเสียงคราง

“กัดเสื้อไว้ค่ะ”

“อื่อ...” เจ้าตัวน้อยพยักหน้ารับ กัดเสื้อแต่โดยดี

 

แสงสว่างจากภายนอกสะท้อนผิวขาว ติ่งไตชูชันจากการเสียดสีของกายเขาทั้งสอง ปากครอบดูดดึงขบกัด สลับใช้ลิ้นตวัดหยอกล้อ มืออีกข้างบีบบี้ติ่งไตอีกข้าง

“อ๊า...อื่อ...” เสียงครางหลุดลอดผ่านเสื้อตัวบาง

หนึ่งเลื่อนปากหนาจูบไปตามผิวบางไล่ลงมาลิ้นปี่ กล้ามท้อง ใช้ลิ้นเลียแอ่งสะดือ จมูกปัดป่ายคลอเคลียสูดกลิ่นกายทั่วทุกซอกเท่าที่จะสัมผัสถึง

“อื่อ..อ้า..” เสียงครางอู้อี้ตอบรับการสัมผัสจากชายหนุ่มคนรัก

 

ร่างสูงยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เขาขยับลงต่ำจูบประทับแก่นกายของร่างบางผ่านนอกร่มผ้า ขบเม้มสัมผัสส่วนหัวชิมน้ำใสผืนผ้าเปียกชุ่ม

 

“อ่ะ! อี๊อึ่ง...เอียว...อ๊า!”

 

กางเกงตัวบางถูกถอดออกจากร่างบาง โยนทิ้งราวกับสิ่งของไร้ค่าไม่มีประโยชน์อันใดจะต้องอยู่บนร่างกายนี้ เขาดันขาเรียวเล็กชันขึ้นแยกออก มือหนาแหวกก้อนซาลาเปานุ่ม จูบช่องทางรักที่เขาโหยหามาตลอดสัปดาห์ แหย่ลิ้นร้อนเลีย ลงลิ้นรัวจนร่างบางบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน เสียงอู้อี้ครวญครางมือบางจิกลงผ้าปูที่นอน

 

วีรู้สึกมวนท้องน้อยจากการกระทำของคนพี่ ความต้องการของคนตัวเล็กพลุ่งพล่านร้อนรุ่มไปทั่วกาย เจ้ากระต่ายน้อยดันร่างกายอันปวกเปียกลุกขึ้น มือดันหัวคนรักตรงหว่างขาให้หยุดและขึ้นมามอง

“พะ พี่หนึ่ง ใส่เข้ามาเลยครับ วะ วี ไม่ไหวแล้ว วี ตะ ต้องการพี่หนึ่ง”

 

เจ้ากระต่ายน้อยตัวร้ายจอมยั่วละล่ำละลักบอกด้วยเสียงแหบห้าว ส่งสายตาใคร่อยากมายังชายหนุ่มคนรัก ใบหน้าแดงซ่านเร้าอารมณ์ หนึ่งกัดกรามจนขึ้นรูปสันข้างแก้ม กำหมัดอดกลั้นต่อสิ่งตรงหน้า สูดปากไม่ยอมปล่อยตัวตามสัญชาตญาณเด็ดขาด

“มะ ไม่ได้นะคะ หนูจะเจ็บ พี่ขออีกนิดค่ะ”

 

ร่างหนาจูบหน้าผากคนรักอย่างปลอบโยน ไฟราคะทั้งสองลุกท่วมห้องน้อย เขาก็ต้องการเฉกเช่นเดียวกับน้อง แต่หากเขาทำตามใจมีความสุขเพียงฝ่ายเดียว คนที่รองรับการกระทำของเขาต้องเจ็บตัว มันไม่ใช่การกระทำของคนรักกัน เซ็กซ์คือการสื่อสารความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง เราทั้งสองต้องมีความสุขร่วมกัน

 

ร่างสูงผละตัวล้วงถุงยางอนามัยและซองเจลออกจากกระเป๋า ควักแก่นกายมาสัมผัสอากาศภายนอก ใช้ฟันกัดฉีกห่อฟอยล์ ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังคนรัก

“หนูขา ใส่ให้พี่หน่อยค่ะ”

หนึ่งวางเครื่องป้องกันไว้บนส่วนปลาย จับมือบางมาประคองแท่งร้อนรูดลงตามแรงโน้มถ่วงครอบสุดปลายโคน จนตัวเล็กชะงักกระตุกมือด้วยความตกใจ

“อ้า...มะ มันใหญ่ขึ้นอีกละ”

 

เจ้าตัวน้อยถามด้วยความเอียงอาย ใบหน้าแดงซ่าน เมื่อกี้ยังยั่วให้เขาจับยัดแต่เจออาวุธของจริงกลับอาย ชายหนุ่มอาศัยจังหวะเผลอของร่างบางสอดปลายนิ้วเข้าไปถูนวดในช่องทางรัก ตามมาด้วยเสียงครางกระเส่า

“อะ!! อ๊า...”

 

ช่องทางรักตอดรัดเรียวนิ้ว เขาตอบสนองปรนเปรอคนรักด้วยการขยับเข้าออก ค่อยตามด้วยนิ้วกลางและนิ้วนาง ร่างบางกระตุกในการตอกย้ำกดจุดเสียวกระสัน

“จะ จูบ น้องวีหน่อย...”

ร่างบางปรือตาตามกามอารมณ์อันวาบหวาม โอบคอชายหนุ่มประกบปากจูบ หนึ่งสอดลิ้นเข้าโพรงปากเล็ก ตวัดหยอกล้อเรียวลิ้นรัดพันกัน เสียงฉ่ำแฉะจากน้ำลายประสานกับเสียงขยายช่องทางรักด้านล่าง

“อ้า...”

 

นิ้วทั้งสามถูกถอดออกแทนที่ด้วยสิ่งขนาดใหญ่กว่า ความคับจุกแน่นตอดรัดส่วนหัว คนตัวเล็กครวญครางอ้าปากค้างหอบหายใจ สูดอากาศเข้าปอดคลายช่องทางรัก สองแรงร่วมด้วยช่วยกัน ในที่สุดส่วนแข็งขืนเข้าจนสุดด้าม หนึ่งรอช่องทางรักปรับสภาพ

“หนูวีขา...พี่ขยับแล้วนะคะ เสียวหัวมากเลยค่ะ”

 

หนึ่งถอดแก่นกายแล้วค่อยๆ กดกระแทกเข้าไปช้า ๆ จนมิดด้าม เขาเร่งจังหวะตามอารมณ์เสียวอันพลุ่งพล่าน ภาพร่างบางยกเสื้อมากัดกลั้นเสียงคราง บิดเร่าตามการร่วมรัก มือจิกขยุ้มผ้าปูเตียงจนหลุดลุ่ย

“อะ! อ๊า...อ้า...”

หนูวีของเขาอ้าปากคายผ้าที่กัดร้องครางอย่างสุดกลั้น จับขาเรียวอ้าออกกว้าง รั้งร่างบางเข้ามาประชิดแนบแน่น ถอดแก่นกายกระหน่ำกระแทกจนสุด

“อ๊า..พะ พี่ พี่หนึ่ง มัน ลึก ลึก อ๊า!!”

 

หนึ่งจ้วงแทงเร่งจังหวะ คนร่างบางหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงขับเคลื่อนของเขา หยาดเหงื่อไหลหยดไล่มาตามกรอบหน้า เสียงคำรามต่ำแข่งกับเสียงครางของร่างบาง คนด้านบนบดเอวร่อน ก่อนจะจับพลิกคนใต้ร่างให้นอนคว่ำลง

 

“ฮื่ม... / อ๊ะ!"

 

คนบนร่างจับล็อกเอวบางตรึงให้อยู่กับที่ ก่อนจะถอดถอนแก่นกายออก ตามด้วยเอวเด้งสวนกระแทกเข้าไปจนสุด จนตัวเล็กก้มหน้ามุดหมอนกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเสียว เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังอย่างลามก

 

เขาช้อนยกตัว ขึ้นมาชิดแนบติดแผ่นอก ชายหนุ่มร่างสูงโอบกอดร่างบางจากทางด้านหลังสัมผัสลูบไล้ผิวกายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ มือหนาขยับรูดรั้งส่วนสงวนของเจ้ากระต่ายน้อย กระซิบตรงกกหูคนรักเสียงแหบพร่า

 

“หนูขา ครางชื่อพี่หน่อยค่ะ”

 

“ขะ ขา พะ พี่หนึ่งขา...”

 

เสียงหวานหลุดครางเรียกชื่อ ราวกับจุดเชื้อไฟราคะแก่ชายหนุ่มให้โหมหนัก เขาขยับเอวสอบอย่างหนักหน่วง ซุกไซ้ขบกัดบ่าขาวผ่านร่มผ้าระบายความใคร่

“พ พี่หนึ่ง วีไม่ไหวแล้ว... อ๊า!! อ้า...”

 

เจ้ากระต่ายกรีดร้อง ตามด้วยร่างกระตุกหดเกร็ง ลาวาขาวขุ่นฉีดพุ่งเลอะมือหนา หนึ่งจับร่างบางหมดแรงหอบหายใจอย่างหมดแรงพลิกนอนหงายราบไปกับที่นอน ร่างสูงกดกระแทกเอวจนสุดพาตัวเองถึงฝั่งฝัน ฉีดน้ำสีขาวขุ่นในถุงยางสีใส

 

“อ้า...รักหนูนะคะ”

 

เสียงครางตามด้วยจูบประทับแก้มขาวใสชุ่มไปด้วยคราบน้ำตา ทิ้งตัวทาบทับคนรักส่วนนั้นยังเชื่อมประสานกัน

 

หนูวีปรือตากัดริมฝีปากมองคนรัก แผ่นอกบางกระเพื่อมเหนื่อยหอบจากความสุขสม ยกขาเรียวที่ยังสั่นเทาตวัดรัดเอวหนา ร่อนเอวส่ายสะโพกอย่างเย้ายวน

 

“อีกรอบนะคะ พี่หนึ่งขา...”

 

หนึ่งเชิดหน้าสูดปากบดกรามแน่นจากการยั่วยวนของเจ้ากระต่ายน้อย แก่นกายลดขนาดจากการปลดปล่อยไปเมื่อครู่ผงาดขยายใหญ่ขึ้นอีกรอบ มือหนาแกะขาน้องน้อยจากเอว ดึงแก่นกายออกจนเกิดเสียงดัง ป๊อก รูดถุงยางอนามัยอันเก่ามัดปลายโยนทิ้ง เขาฉีกกระชากซองฟอยล์มาสวมรูดสุดแกนกาย กดกระแทกสวนจนมิดด้าม

 

“อ๊า!!!... อ้า...”

 

ร่างบางกรีดร้องครวญครางด้วยความจุกแน่น ผวาตัวกอดคนรักแน่น นิ้วทั้งสิบจิกขูดแผ่นหลัง หนึ่งเองกอดคนน้องกลับ จูบซับน้ำตาแก้มทั้งสองข้างอย่างปลอบโยน ชายหนุ่มร่างสูงช้อนหน้าคนรักมาบรรจงจูบอย่างดูดดื่ม สอดเรียวลิ้นในโพรงปากเล็ก ตวัดลิ้นพัวพันลิ้นเล็ก มือสากสองข้างประคองย้ายมาลูบไล้ติ่งไตบี้ขยี้ ร่างบางคลายกอดหลวม ๆ หนึ่งถอนแก่นกายก่อนจะเด้งสวนจนสุดด้าม

 

“อ๊าง!!! อ๊า...”

 

คนตัวเล็กในอ้อมกอดผละริมฝีปากจากการจูบมาร้องครางระบายความเสียวซ่าน ชายหนุ่มยังเด้งเอวต่อเนื่อง หนูวีโดนตอกย้ำกระแทกจุดกระสัน ร้องครางปัดป่ายส่ายหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาไหลทั้งสองข้าง

 

“ละ ลึก พ พี่ หนึ่ง ละลึก...อ้า...”

 

หนึ่งดันร่างน้องที่ตอนนี้อ่อนปวกเปียกหมดแรงจากการเคี่ยวกรำมาหลายชั่วโมง นอนราบลงบนเตียงสภาพยับยู่ยี่ มุมผ้าปูเตียงหลุดลุ่ยทุกมุม

 

“แฮก ๆ ๆ” เสียงหอบหายใจอย่างหมดแรงของเจ้าตัวน้อย

 

ขาขาวเรียวบางถูกรวบชิด ยกขึ้นแนบชิดแผ่นอกแกร่ง คนด้านบนถอดเอวหนา ออกก่อนกดกระแทกสุดความยาวของแก่นกาย เสียงครางรับกับการตอดรักของช่องทางรัก

“อืม...ฮึ่ม...”

หนึ่งเหลือบดูนาฬิกา อีกไม่นานจะเช้าแล้ว บทรักในค่ำคืนนี้คงใกล้จะสู่ทางสวรรค์ได้แล้ว

“หนูขา พี่จะเร่งจังหวะแล้วนะคะ”

“จะ จูบน้องวี นะ หน่อย...”

 

คนใต้ร่างยกมือคล้องคอคนรักมาจูบ หนึ่งจูบน้องวีของเขาปิดปากเสียงครางอันสุดเสียง ถ้าเสียงครางนี้ปลุกคนทั้งบ้านให้ตื่นจะโทษใครก็ไม่ได้ต้องโทษเขาเอง เผลอลืมตัวใส่เต็มตามความต้องการในตัวน้องอย่างมาก

 

“พะ พี่ นะ หนึ่ง หนู ไม่ไหวแล้ว...” เสียงละล่ำละลักครางกระท่อนกระแท่นบอก

 

ชายหนุ่มกดกระแทกเร่งจังหวะสอบเอวเข้าออก คนตัวเล็กคว้าแขนหนาลงเล็บจิกระบายความเสียว เสียงร้องครวญครางของทั้งสองแข่งกัน บทร่วมรักของพวกเขาเจือปนด้วยความรักใคร่

“อ้า...”

ร่างบางกระตุกเกร็งตามด้วยเสียงครางสุดเสียง พ่นลาวาอุ่นเลอะหน้าท้องตัวเอง แรงตอดช่องทางด้านหลังของชายหนุ่มร่างบางส่งคนรักไปถึงฝั่งฝันเช่นกัน

“อ้า...”

 

หนึ่งโน้มตัวประทับจูบริมฝีปากบาง จูบที่เต็มไปด้วยความรักและหลงใหล ค่อยถอนจูบออกช้า ๆ แตะหน้าผากลงสิ่งเดียวกัน กรอบหน้าทั้งสองเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ลมหายใจร้อนหอบพ่นรดกันและกัน ชายหนุ่มประสานตามองคนรัก เจ้ากระต่ายน้อยขยับยื่นปากเล็กมาแนบปากหนา

ริมฝีปากบางยื่นมาจุมพิตกระซิบบอกด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างหมดแรง “วีรักพี่หนึ่งนะครับ”

 

“พี่ก็รักหนูค่ะ รักอย่างสุดชีวิตค่ะ”

 

หนึ่งถอดถอนสิ่งเชื่อมประสานระหว่างเขากับคนรักออกจากัน ใช้ทิชชูเปียกเช็ดทำความสะอาดในส่วนลับและของสงวนรวมถึงคราบคาวออกจากตัวคนรัก หยิบกางเกงในและกางเกงมาสวมใส่ให้ ใช้ผ้าขนหนูผืนน้อยซับเหงื่อชื้นตามร่างจนหมด ก่อนจะหยิบผ้าห่มคลุมตัวคนรัก

 

“หนูขา พี่ไปก่อนนะคะ”

“ครับ”

เขาจูบหน้าผากลาคนรัก เปิดหน้าต่างหันมามองคนนอนอย่างเสียดายที่ต้องจากไป ปืนลงไปตามต้นไม้ลงไปยังเบื้องล่าง

 

ชายวัยกลางคนตื่นมาในช่วงใกล้สว่าง ถือโอกาสนอนไม่หลับไปดูว่าไอ้ว่าลูกเขยที่ทำตัวเหมือนหมาเฝ้าหน้าบ้านมันตื่นมารอลูกชายเขาหรือยัง ผู้เป็นพ่อลุกจากเตียง สวมชุดคลุมเดินไปยังด้านล่าง ยกยิ้มมุมปากด้วยความปลาบปลื้มเมื่อเห็นรถจอดตรงรั้วหน้าบ้าน ขายาวก้าวเดินไปกำลังจะเดินไปยังรั้วต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียง….

 

ด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์รู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงอะไร เขาแหงนหน้าไปยังต้นเสียงมันมาจากห้องบุตรชาย เสียงนั้นเต็มไปด้วยความสุขสม ใจอันสงบนิ่งเมื่อครู่เสมือนมีใครมาดีดนิ้วจุดไฟให้ลุกท่วมพรึ่บ พ่ออย่างเขาแทบจะเดินไปเปิดประตูกระชากไอ้หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ขี้ขโมยแอบมากินลูกชายของเขาเหวี่ยงทิ้งออกหน้าต่าง เขาได้ข่มใจเอาไว้ เดินเข้าไปในบ้านหยิบอาวุธปืนขนาด 11 มม. มายืนรอใต้ต้นมะม่วง

 

แกรก อาวุธร้อนปลายเย็นจัดจ่อลงท้ายทอยชายหนุ่ม หนึ่งรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เขายกมือสองข้างขึ้น

 

“เข้าไปคุยกันในบ้าน” เสียงเหี้ยมเกรียมด้วยความโกรธจากชายทางด้านหลัง

 

เจ้าน้องวีขยับร่างอันหมดแรงอ่อนปวกเปียกพิงหัวเตียงมองผ่านหน้าต่างลอดกิ่งมะม่วง ถึงแม้จะเหนื่อยจนอยากนอน แต่เขาก็อยากเห็นแผ่นหลังคนรักที่กำลังจะไปขึ้นรถกลับไปพักผ่อนเช่นกัน ฉับพลันดวงตาเขาเบิกกว้างโพลง ลุกพรวดโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกาย เปิดประตูวิ่งลงไปยังด้านล่างด้วยความเป็นห่วงคนรัก ตามด้วยเสียงร้องเรียกบิดา

 

“พ่อ!!! อย่าทำอะไรพี่หนึ่งนะ!!”

 

เสียงร้องตะโกนดังลั่นปลุกคนภายในบ้านให้ตื่น มารดาและพี่สาวสะดุ้งตัว กระวีกระวาดแต่งตัวรีบออกมาจากห้องนอน พี่สาวของเจ้าตัวเล็กเบิกตาโต ภรรยาของเจ้าของบ้านยกมือปิดปากด้วยความตกใจ ในภาพที่เห็นคือสามีของเธอใช้ปืนจ่อหัวคนรักของลูกชายที่นั่งคุกเข่าบนพื้นบ้าน ส่วนลูกชายกอดคนรักของตัวเองไม่ยอมห่าง

 

“พ่อ..เก็บปืนก่อนนะ เดี๋ยวมันลั่นโดนลูก” ภรรยาค่อย ๆ แตะมือสามีข้างยังถือปืนอยู่อย่างเบา ๆ 

 

ผู้เป็นสามีตวัดตามองภรรยา “แม่ไม่ต้องยุ่ง ถอยออกไป แม่รู้ไหมว่ามันปีนห้องขึ้นหาน้องวี มัน มัน...” ชายวัยกลางคนกดปืนลงที่หัวชายหนุ่มด้วยความโกรธ “มัน!! แม่งเอ๊ย!!” เขาไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่เขาได้ยินให้ภรรยาฟังได้

 

“พ่อ... น้องวีผิดเอง ปล่อยพี่หนึ่งไปเถอะนะครับ” เจ้าตัวน้อยร้องไห้ ยกมือไหว้ขอร้องบิดา

 

หนึ่งใช้มือปาดน้ำตาคนรัก จับไหล่ทั้งสองข้างออกแรงดันตัวให้ถอยห่างออกไปเพื่อความปลอดภัย “น้องวีถอยออกไปครับ มันอันตราย” วีส่ายหน้าร้องไห้ด้วยความกลัวว่าพ่อจะทำอะไรคนรัก ออกแรงจับยึดคอเสื้อไม่ยอมปล่อย “แม่ครับ พี่วา พาวีออกไปจากตรงนี้ครับ!” เสียงตะโกนบอกแก่บุคคลทั้งสองให้มาลากตัวคนรักเขาออกไป

 

“อื่อ...แม่ปล่อยวีนะ พี่วาปล่อย ปล่อยวี! ปล่อยน้องวี!! ฮื่อ..พี่หนึ่ง...”

 

คนตัวน้อยโดนลากแขนทั้งสองข้างจากแม่และพี่สาว ดิ้นสะบัดตัวให้หลุดจากพันธการจากคนทั้งสอง แต่ด้วยสภาพร่างกายเขาไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน คนตัวเล็กถูกลากมาไว้ตรงมุมโซฟาพ้นรัศมีของไกปืน โดยมีสองคนรักของเจ้าตัวน้อยกอดล็อกเอาไว้ น้ำตาของพี่สาวและมารดาไหลพรากด้วยความสงสารลูกและน้องชาย

 

หนึ่งเม้มปากจ้องมองคนรักของตนถอยหายไป ภาพตัวเล็กโดนลากออกไปร้องดิ้นทุรนทุรายให้หลุดพ้น น้ำตาไหลอาบแก้มขาว ปากพร่ำบอกขอร้องสารพัด ชายหนุ่มอดกลั้นกักเก็บน้ำตาจนตาแดงก่ำ เขาส่งสายตาพร้อมพยักหน้าบอกวีให้อยู่ตรงนั้น

 

“วาจับน้องไว้นะลูก อึก...”

 

มารดาคลายกอดบุตรชาย รั้งแขนบุตรสาวให้มากระชับกอดลูกชายให้แน่นขึ้น ผละตัวเดินไปหาสามีเพื่อห้ามปรามในสิ่งที่จะทำ

“พ่อใจเย็นนะ ลดปืนลงเถอะพ่อ แม่กลัว...มันไม่คุ้มเสียนะพ่อ อึก” เสียงสะอื้นร้องไห้บอกกล่าวแก่สามีของเธอ

“พ่อครับ ผมขอโทษ จะทำอะไรผมก็ได้ครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับน้องเลย ผมผิดเองทั้งหมด ผมล่อลวงน้อง ผมบังคับน้องเอง ผมทำทุกอย่างคนเดียว พ่ออย่าโกรธน้อง อย่าทำร้ายน้องนะครับ”

 

สันปืนกระแทกท้ายทอยดัง ปัก! “หุบปาก! กูจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด มึงต้องติดคุก” ชายวัยกลางคนประกาศกร้าวด้วยความโกรธ ยิ่งชายหนุ่มด้านหน้าพูดอะไรออกมาเหมือนจะกระตุ้นความโกรธเพิ่มอีก

 

หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีแล้ว เธอจึงจัดการต่อสายหาไนน์เพื่อนของน้องชายทันที บอกกล่าวเล่าเรื่องแค่ว่า พี่ชายของไนน์ โดนพ่อเธอใช้ปืนขู่และจะพาส่งตำรวจ ทางฝั่งนั้นรับทราบและบอกว่าจะรีบไปทันที

 

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายชราพร้อมกับชายหญิงวัยกลางคน รวมถึงเพื่อนของน้องชายกดออดเรียกคนในบ้าน โดยมีบอดี้การ์ดอีกสองคนยืนขนาบหลัง ส่วนอีกสี่คนยืนรออยู่หน้าบ้าน

 

“น้องวี นั่งรอตรงนี้ห้ามไปไหน ถือว่าพี่ขอร้องนะ ได้โปรดนะคะ” วาพร่ำบอกและขอร้องให้น้องชายเธอหยุดพยายามไปหาคนรัก “น้องวี หนูต้องอยู่ตรงนี้ ไม่งั้นหนึ่งจะเป็นอันตราย อย่าเข้าไปถ้าไม่อยากให้พ่อโกรธมากกว่านี้” เธอกดเสียงต่ำขู่ให้เกิดความกลัว

 

“...” คนตัวเล็กร้องไห้ เอียงคอไปมองหน้าพี่สาวด้วยความไม่พอใจ สูดลมหายใจ ยกมือปากน้ำตาอย่างเจ็บใจ ทอดมองไปยังคนรักเบื้องหน้า ก่อนจะพยักหน้ายอมรับด้วยความจำยอม “ครับพี่วา”

 

หญิงสาวรีบวิ่งไปเปิดประตูเชิญแขกผู้มาช่วยแก้สถานการณ์ภายในบ้านของเธอ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชายชราผายมือให้หญิงสาวรีบนำทางแต่โดยด่วน ความเป็นปู่รวมถึงพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะสอนลูกหลานของตัวเองให้เก่งกล้าแค่ไหน เมื่อรับรู้ว่าอยู่ในอันตรายขาทั้งสองข้างรีบมาให้ทันท่วงที

 

ภาพบุตรชายคุกเข่ากับพื้น ด้านหลังมีปืนจ่อบนศีรษะ ใจคนเป็นแม่แทบวิ่งถลาไปขวาง แต่คนเป็นสามีคว้าตัวเธอไว้ก่อน ส่ายหน้าห้ามปราม ผู้เป็นปู่และพ่อผ่านสถานการณ์แบบนี้มานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะด้วยตัวเองหรือกับคนที่พวกเขารัก ชายชรามองสำรวจบุคคลทั้งหมด ก้าวขยับเดินไปเผชิญหน้ากับพ่ออีกคน ผู้คุ้มกันขยับตัวตามด้วยปืนเตรียมจ่อไปข้างหน้า ไนน์ก้าวมาขวางและกดปืนลดลง เพราะเขามั่นใจว่าปู่อ่านสถานการณ์ออก และพ่อของเพื่อนเขาไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น

 

ชายชรามองสบตากับชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยอาการสงบนิ่ง โค้งตัวคำนับแทนการขอโทษ “คุณพจีพัฒน์ คุณพ่อของหนูวี ผมเจ้าสัวชัชปู่ของผู้ชายคนนี้” เจ้าสัวชี้นิ้วไปยังหลานชาย “หลานผมทำผิด ในฐานะผมเป็นปู่ของมันต้องรับผิด ถ้าจะยิง ช่วยยิงผมแทนเจ้าหนึ่งเถอะครับ” ชายชราวัยอายุเกือบเจ็ดสิบลงไปคุกเขาร่วมด้วยกับหลานชาย

 

“ปู่ / คุณพ่อ / คุณพ่อ / ปู่ / เจ้าสัว” เสียงร้องประสานเสียงเรียกชื่อชายชราตามสถานะของแต่ละคน เกิดความเงียบงันตามมาภายในบ้าน

 

ชายวัยกลางคนมองชายชราทรุดลงกับพื้น เขาเองตกใจตะลึงไม่คาดคิดว่าคนที่ใหญ่คับฟ้ามีอำนาจล้นเหลือในประเทศนี้ ยอมลดศักดิ์ศรีมาขอโทษเขา เขาทรุดตัววางปืนลง พยุงคนอายุมากกว่าเขาให้ลุกขึ้น

“ลุกขึ้นเถอะครับ ผมจะให้คนที่อายุมากกว่าทำแบบนี้กับผมได้ยัง ได้โปรดลุกเถอะครับ” เขาพยายามฉุดรั้งชายชราคนดังกล่าวลุกขึ้น

เจ้าสัวเหลือบตามองบุตรชาย ย้ายสายตามองยังอาวุธข้างตัวชายตรงหน้า มังกรก้าวมาหยิบปืนออกไป อย่างรวดเร็วจนเจ้าของไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จัดการถอดแม็กกาซีนเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง และวางด้ามปืนลงบนโต๊ะ

“พ่อหนูวียกโทษให้หลานปู่แล้วเหรอ”

“ครับ ๆ ได้โปรดลุกขึ้นเถอะครับ”

 

สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านเข้ามาช่วยกันประคองชายชราจอมดื้อที่ไม่ยอมลุกขึ้น จนกว่าจะยกโทษให้แก่หลานชายให้มานั่งบนโซฟารับแขกได้สำเร็จ และแม่วีหันมาบอกแก่แขกที่เหลือ แม้ภายใจคนเป็นพ่อยังมีความโกรธเคือง แต่เขามองสิ่งที่ทุกคนกระทำต่อบุตรชาย เพื่อความสุขของบุตรชายแล้ว เขายอมลดทิฐิลง

 

“เชิญนั่งค่ะ นั่งเลยนะคะ” น้ำเสียงลนลานปนความงุนงงที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มา

 

บิดาของชายหนุ่มประคองภรรยานั่งลงเก้าอี้ว่าง บอดี้การ์ดสองคนขยับถัดออกไปคอยเฝ้าระวังความปลอดภัย ส่วนไนน์มองไปยังเพื่อนตัวเล็กที่ยังร้องไห้สะอื้นอยู่ ชายรูปร่างสูงแบบเดียวกับลูกชายก้าวมาด้านหลัง

 

“เจ้าหนึ่ง!” เพียะ! บิดาเรียกชื่อบุตรชาย ตามด้วยฝ่ามือตบลงบนใบหน้าจนมีเลือดซึมมุมปาก ตามด้วยเสียงตะคอกด่าแข็งกร้าว

 

“แกทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม! เห็นผู้หลักผู้ใหญ่เป็นตัวอะไร! อายุไม่ใช่น้อยแล้ว แกคิดว่าที่พ่อเขาไม่ยอมให้เจอน้องเพราะอะไร แต่แกคิดแก้ปัญหาโง่ ๆ ด้วยการปีนหาน้องบนห้อง แล้วทำแบบนี้พ่อกับแม่เขาจะกล้ายกน้องให้แกหรือไง แล้วแกทำไมไม่คิดจะมาบอกพ่อกับแม่ในเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะได้ช่วยหาทางแก้ไข แกคือคนที่ฉันไว้ใจและยกทุกอย่างให้ดูแล แต่แค่นี้กลับคิดไม่ได้ ไม่ต้องมาขอโทษฉันกับแม่แก” หนึ่งกำลังจะยกมือไหว้เขารีบขัดขึ้นมา “คนที่แกควรขอโทษคือพ่อกับแม่น้องนั่น” ผู้เป็นพ่อชี้นิ้วไปยังคนเบื้องหน้าด้วยสีหน้าดุดัน ง้างมือจะฟาดลงอีกครั้ง

 

“พ่ออย่าครับ!!” เจ้าคนตัวน้อยโอบกอดชายคนรักเอาตัวเข้าบัง “ฮื่อ...พ่ออย่าตีพี่หนึ่งครับ พี่หนึ่งเจ็บ...อื่อ...”

 

“พี่ไม่เป็นไรครับ” หนึ่งแกะมือคนรักที่กอดปกป้องเขา เปลี่ยนเป็นเขาโอบกอดน้องแนบตัว ยืดอกรับโทษเอาตัวมาปกป้องน้องแทน

 

“...” พ่อของเขาลดมือสะบัดหน้าหนีไปนั่งรวมกับภรรยา ผู้เป็นแม่พยักหน้าบอกให้ทำตามที่พ่อบอก

 

หนึ่งคลายกอดคนรักของเขา ก้มลงมองหน้าเล็กแดงก่ำ ดวงตาบวมเป่ง มือหนาบรรจงเช็ดหยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มอย่างทะนุถนอม แววตาทอดมองคนรักของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเจ็บปวดสงสารที่ต้องให้น้องวีของเขาอยู่ในสภาพแบบนี้ เจ้าคนตัวน้อยช้อนใบหน้าทอดมองคนรักของเขาเช่นกัน มือบางสองข้างประคองลูบไล้ใบหน้าอันหล่อเหล่าตอนนี้มีบาดแผลมุมปาก ร่างบางกระซิบถาม

 

“เจ็บไหม?” หนึ่งวางมือทาบมือเล็ก ยกยิ้มบางส่ายหน้าตอบแทน “วีเป่าให้นะ ฟู่...” สายตาจ้องมองมอบให้แก่กันเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย แผ่กระจายไปยังคนรอบข้าง

 

ชายชรามองภาพดังกล่าว พลันให้หวนนึกถึงคนรักที่จากลาโลกไป ครั้งหนึ่งพวกเขาสองคนก็เคยมีแบบนี้ สองสามีภรรยาทั้งสองคู่มองบุตรชายเต็มไปด้วยตื้นตันในความรักของพวกเขา ยิ่งพ่อของวีแล้วเขาพ่ายแพ้ให้แก่ความรักของพวกเขาทั้งสอง ถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เขาอาจจะเผลอทำร้ายหัวใจของบุตรชายตนเอง

 

หนึ่งและวีจูงมือคลานเข่ามายังตรงหน้าบิดามารดาของวี รวมถึงปู่ของเขาด้วย และยกมือพนมกลางอก “พ่อครับผมขอโทษที่ล่วงเกินน้อง แต่ผมรักน้องมากครับ ชีวิตนี้ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีน้องอยู่เคียงข้าง พ่อจะทำอะไรผมก็ได้ แต่อย่าแยกเราออกจากกันเลยครับ ผมขอแค่ได้เฝ้าดูน้องอยู่ห่าง ๆ ได้ไหมครับ อย่าสั่งให้เราสองคนเลิกรักกันเลยนะครับ” หนึ่งก้มลงกราบเท้าพ่อของคนรัก ส่วนวีตามมานั่งคุกเข่าเคียงข้างคนรัก และก้มลงกราบด้วยกัน

 

“พ่อ น้องวีก็รักพี่หนึ่ง วีไม่มีความสุขถ้าต้องแยกจากพี่หนึ่ง ถ้าพ่อจะแยกน้องวีจากพี่หนึ่งก็ได้นะครับ แต่อย่าบอกให้วีเลิกรักพี่เขา วีคงทำไม่ได้ วียอมแล้วยอมทุกอย่าง ขอแค่อย่างเดียว อย่าเอาพี่หนึ่งเข้าคุกเลยนะพ่อ อย่าแยกพวกเราเลยนะพ่อ ฮื่อ... น้องวีขอโทษ อึก...อื่อ...” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นจากบุตรชาย

 

“พอแล้วลูก” บิดาวางมือลูบหัวแก่ชายทั้งสองที่ก้มลงกราบเท้าเขา หนึ่งและวียกตัวเงยหน้ามองชายดังกล่าว ใบหน้าดูอ่อนลง น้ำตาคลอขอบดวงตา “เลิกร้องได้แล้วครับน้องวี พ่อไม่ได้โกรธที่เราสองคนรักกัน พ่อคนนี้...” เขาเงยหน้าสูดลมหายใจ กลั้นน้ำตาให้ไหลย้อนกลับ “พ่อเองแหละมีอคติเรื่องฐานะของหนึ่ง พ่อกลัวว่าวีจะโดนกระทำเหมือนน้องสาวของพ่อ ยิ่งมีคนพูดถึงน้องวีแบบเสีย ๆ หาย ๆ ราวกับว่ามีคนมาสะกิดแผลในใจ พ่อเองต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ยอมเชื่อมั่นในความรักของเราสองคน ลุกขึ้นมานั่งเถอะลูก”

 

“พ่อกับแม่หนูวี เมื่อเหตุการณ์มันเลยเถิดมาขนาดนี้ ผมที่เป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าหนึ่งขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการสู่ขอหนูวีเข้าบ้านศิริกิจวัชรโชติเลยแล้วกัน”

“เอ่อ...” สองคนผัวเมียมองหน้ากัน ต่างคนตา่งพูดไม่ออกสักคำ

“เพื่อป้องกันคำครหาในตัวหนูวีและปู่เองอยากแสดงความมั่นใจให้ทางนี้ด้วยว่าทางเราจริงใจจะรับเจ้าตัวน้อยนี้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา”

 

ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่และขานรับตกลงแบบงุนงง “คะ ครับ”

 

สองคนรักสวมกอดยิ้มอย่างดีใจ และค่อยคลานเข่าไปกราบทั้งสามคนพร้อมกันอีกครั้ง ไนน์มองพี่ชายและเพื่อนรักที่เรื่องจบลงอย่างดี ประสานสายตากับพี่วา ทั้งสองยิ้มแห้งตอบแบบรู้กันว่า ตกลงมันถึงขั้นนี้ได้ยังไง ไนน์ย้ายสายตาไปมองลุงคนโตของบ้านกำลังยกยิ้มกับบิดาของตัวเอง

 

เจ้าสัวชัชขึ้นชื่อว่าเป็นนักธุรกิจผู้มองสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ทะลุปรุโปร่ง อะไรที่มีผลประโยชน์ต่อเขาเองไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ เรื่องนี้เช่นกัน พอสบจังหวะหรือไม่แน่เจ้าสัวเองอาจจะวางแผนนี้มาในใจอยู่แล้ว รวบรัดมัดทันที

 

ระยะเวลาจัดเตรียมสินสอดทองหมั้น โดยเจ้าตัวให้แม่ของหลานชายเขาเข้าไปตีสนิทชวนพูดคุยกับผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายเพื่อลดความกดดัน และสะใภ้คนโตไม่เคยทำให้ผิดหวังตะล่อมสะจนอยู่หมัด เล่นอวยลูกสะใภ้แบบหลงจนโงหัวไม่ขึ้น พ่อกับแม่เจ้าตัวคงรู้สึกดีที่ยอมยกให้

 

สิบนาทีต่อมา ธานินเลขาส่วนตัวเจ้าสัวเดินทางมาพร้อมทีมงานในการจัดเตรียมสถานที่และทรัพย์สินตามเจ้าสัวสั่งให้จัดเตรียมไว้ ตั้งแต่วันที่เจ้าหนึ่งพาไปแนะนำตัว

 

เงินสดจำนวนสิบล้านจัดเรียงในพาน ด้านบนวางทับด้วยเช็ดเงินสดอีก 200 ล้านบาท เครื่องเพชรจำนวนหนึ่ง คอนโดหรูกลางใจเมืองมูลค่าแปดสิบล้าน ที่ดินฝั่งชานเมืองอีกสามสิบไร่ แหวนแพลตตินัมเรียงง่ายฝังเพชรสีชมพูที่ขอบแหวนรอบวง ส่วนอีกวงที่มีขนาดใหญ่ดีไซน์แบบเดียวกัน แต่เพชรเป็นสีน้ำเงิน

 

พิธีสู่ขออย่างเรียบง่ายของทั้งสองฝ่ายได้จบลง พร้อมด้วยแขกมาเพิ่มเติมคือเพื่อนของเจ้าตัวเล็ก และบรรดาพี่น้องของหนึ่ง ขาดแต่บรรดาน้าของเขายังอยู่ในระหว่างเดินทางบินกลับมาร่วมแสดงความยินดี

 

บ้านหลังเล็กมีกันอยู่แค่สี่คนพ่อแม่ลูก บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ลูกชายเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้นมาต้อนรับอย่างอบอุ่น และทุกคนยอมรับและเอ็นดูลูกชายเขาอย่างมาก ปมบาดแผลที่กัดกินภายในใจสลายไปจนหมด

 

หนึ่งเห็นบิดาของคนรักยืนมองอยู่เพียงคนเดียว ถือโอกาสเข้ามาคุยเพียงลำพัง “พ่อครับ พ่อยกน้องให้ผมจริง ๆ แล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มนักธุรกิจลุยงานเดียวฟาดฟันกับศัตรูรวมถึงคนมักจะเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ เขาเอ่ยถามพ่อคนรักด้วยความไม่มั่นใจ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความกังวล

 

บิดาผู้เห็นท่าทางลูกเขยถึงกับหลุดขำ “พ่อไม่ได้ยกให้นะ แต่พ่อให้หนึ่งช่วยดูแลน้องแทนพ่อ น้องวีคือคนที่เรารัก พ่อฝากน้องด้วยล่ะ” ฝ่ามือหนาตบไหล่เพิ่มความมั่นใจแก่ลูกชายคนใหม่

 

หนึ่งยกมือไหว้ท่วมหัว “ขอบคุณครับพ่อ ผมจะดูแลน้องอย่างดี เพราะตอนนี้วีคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตผมครับพ่อ”

“น้องวีขา...พี่หนึ่งมาว...มากค่า แต่พี่ร้ากกกหนูมากนะคะ ร้ากสุดชีวิตเลยยยย” เสียงยานคางตะโกนลั่นบ้าน เจ้าคนตัวเล็กเดินตามเอาแต่หน้าแดง “พวกมึงมาหิ้วกูทามมายยยยย เมียกูล่ะ น้องวีขา... น้องวีจ๋า...”

“...” คนอื่น จร้า...

 

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หนึ่งเมามายอย่างหนักเพราะโดนพวกน้องรวมหัวฉลอง และจัดหนักแบบงดเข้าห้องหอในคืนแรก ต่างพากันช่วยหิ้วปีกพี่ชายไปส่งยังห้องนอนเจ้าตัวเล็กในสภาพผ่านการทำความสะอาดจากแม่บ้านที่ขนมาช่วยดูแล และปล่อยให้เจ้าของพี่ชายพวกเขารับช่วงต่อ แยกย้ายกลับโดยมีสามคนพ่อแม่ลูกยืนส่ง

 

บนรถยนต์ประกอบด้วยบุคคลที่มาตั้งแต่ช่วงเช้า นั่งพิงเบาะอย่างหมดแรงเช่นกัน หญิงสาวผู้จับสังเกตทั้งสามีและพ่อสามี

“คุณพ่อกับคุณพี่วางแผนกันมาก่อนใช่ไหมคะ”

“ถามคุณพ่อของพี่เลยค่ะ” บุตรโบ้ยใส่พ่อตัวเอง

“ไม่ได้วางแผนหรอกลูก แต่เตรียมการเอาไว้เบื้องต้น กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนพ่อมัน ก็คาดไว้ไม่ผิด พ่อมันพาหนี ลูกมันปีนหา แต่ละคนบ้านนี้” เสียงบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายใจของชายชรา

“หนูขอบคุณคุณพ่อมากนะคะที่ช่วยเหลือ”

“นั่นก็ลูกนี่ก็หลาน พ่อต้องช่วยอยู่แล้วแหละ แล้วไอ้คนสร้างเรื่องให้เจ้าหนึ่งจัดการยังไง”

“ผมไม่ทราบครับ คงสั่งจินให้จัดการแล้วล่ะครับ”

“คุณพี่คะ น้องสงสัยอย่างหนึ่งค่ะ ลูกเราสามารถแย่งปืนได้สบายๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ ทำไมไม่ทำ” คุณนายเจ้าของไร่ดอกไม้ขมวดคิ้วสงสัยเรื่องราวในเหตุการณ์

“ถ้ามันแย่งปืนจากพ่อตามัน มันจะได้มีเมียแบบวันนี้ไหมล่ะลูก ไม่เชื่อลองถามพ่อของเจาหนึ่งมันดู เมียมันเองก็นั่งอยู่นี่ไง”

ภรรยาคนสวยเหยียดยิ้มให้แก่สามีผู้เป็นที่รัก เธอเพิ่งมารู้ความลับนี่เอง ในตอนนั้นคิดว่าสามีกลัวพ่อเธอแต่ที่ไหนได้ “ร้ายกาจทั้งพ่อและลูกเลยนะคะ”

 

 

To be continued…